ตอบคำถามต่อไปนี้ (1-3
พ.ร.บ.ภาคบังคับ, 4 พ.ร.บ.บริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ)
1.เหตุผลทำไมต้องประกาศพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545
การศึกษาเป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
เป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ
เพื่อความสมบูรณ์และเจริญงอกงามทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา ความรู้ คุณธรรม
จริยธรรม สังคม อารมณ์และจิตใจในการดำรงชีวิต
เมื่อการศึกษานับเป็นกระบวนการพื้นฐานในการสร้างและพัฒนาคน
ดังนั้นประชากรในประเทศหนึ่งๆจึงควรได้รับสิทธิในการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม
2.ท่านเข้าใจความหมายตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ
พ.ศ. 2545 อย่างไร
โดยที่กฎหมายว่าด้วยการศึกษา
แห่งชาติได้กำหนดให้ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคล
ซึ่งอยู่ในความ ดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับจำนวนเก้าปี
โดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าเรียนในสถาน
ศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่จะสอบได้ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาภาคบังคับ
จึงสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประถมศึกษา เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมาย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ก. ผู้ปกครอง
หมายความว่า บิดามารดา หรือบิดา
หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และหมายความรวมถึงบุคคลที่เด็กอยู่ด้วยเป็นประจำหรือที่เด็กอยู่รับใช้การงาน
ข.เด็ก หมายความว่า
เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
เว้นแต่เด็กที่สอบได้ชั้นปีที่เก้า ของการศึกษาภาคบังคับแล้ว
ค.การศึกษาภาคบังคับ
หมายความว่า
การศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถึง
ชั้นปีที่เก้าของการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ
ง. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
หมายความว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาอยู่ในสังกัด
3.กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษอย่างไร
และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษาใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน
กรณีผู้ปกครองไม่ส่งเข้าเรียนตามที่กฎหมายฉบับนี้กำหนดจะต้องถูกลงโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
และถ้าเด็กไม่สามารถเข้ารับการศึกษา
ให้สถานศึกษาเป็นผู้มีอำนาจในการผ่อนผันเด็กเข้าเรียน เมื่อผู้ปกครองร้องขอ
4.ให้นักศึกษาสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
มีทั้งหมด 21 ข้อ
ประเด็นสำคัญที่ได้จากการอ่านพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
คือ
1. อำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ในกฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
1. อำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ในกฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
2. อำนาจหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ คือ การจัดการศึกษา
3. การจัดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการจัดได้เป็น 3 ส่วนคือ
ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
และระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
4. การกำหนดตำแหน่ง ลดอัตราเงินเดือน ของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ
ให้คำนึงถึงคุณวุฒิ ประสบการณ์ และมาตรฐานวิชาชีพ ลักษณะหน้าที่และความรับผิดชอบ
รวมถึงคุณภาพของงาน
5. บทบาทของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ คือ อำนาจในการออกกฎหมายกระทรวง
ระเบียบและประกาศ และตีความวินิจฉัย
ชี้ขาดปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งและหน่วยงาน
6. การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง คือ
ส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานรัฐมนตรี
และสำนักเลขาธิการสภาการศึกษา
7. ส่วนราชการส่วนกลาง กระทรวงศึกษาธิการที่ไม่เป็นนิติบุคคล
คือสำนักงานรัฐมนตรี
8. ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ คือ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
9. การประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษา10. ประธานคณะกรรมการการสภาการศึกษา คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ11. คณะกรรมการที่กำหนดตำแหน่งประธานกรรมการไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับนี้
คือ คณะกรรมการสภาการศึกษา
12. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือผู้รับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
13. เลขาธิการรัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมือง
14. การติดตาม ประเมินผลนโยบายตามภารกิจ
ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ
15. หน่วยงานระดับกระทรวงศึกษาธิการ กรมหรือหน่วยงานเทียบเท่ากรม
และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นหน่วยงานที่สามารถมีผู้ตรวจราชการได้
16. การศึกษา วิเคราะห์วิจัย นิเทศติดตามและประเมินผลการบริหารการดำเนินงาน
คือบทบาทของคณะตรวจราชการในระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
17. บทบาทของกระทรวงศึกษาธิการที่มีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ
การประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษา เสนอแนะ
การจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษา และการประสานส่งเสริมการจัดการศึกษา
18. ในกรณีที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่อาจจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ระดับกว่าปริญญาตรีได้ จะมีสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานที่จะมาจัด
19. หน่วยงานอื่นสามารถจัดการศึกษา ในรูปแบบการศึกษานอกระบบหรือตามอัธยาศัย
การจัดการศึกษาสำหรับคนที่มีความสามารถพิเศษ
และการจัดการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์
สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่สามารถจัดการศึกษาได้
20. ผู้บังคับบัญชาข้าราชการสำนักงานรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คือ
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเลขาธิการ
21. ผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสถานศึกษาของรัฐในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
คือ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น